วิธีคิดแบบสตาร์ทอัพ
Disrupt หรือ “การหยุดชะงัก” เป็นแนวคิดหลักของสตาร์ทอัพ คุณชัชชาติได้กล่าวถึงตัวอย่าง แอพ Traffy Fondue และยกปัญหาของคนกรุงเทพที่นำมาแก้ไขอย่างเป็นระบบการ Disrupt สร้างประโยชน์ในแนวคิดการแก้ปัญหา ที่แก้ไม่หายของระบบราชการ ซึ่งนำมาเป็นความท้าทายของภาครัฐ และ Startup ไทย ทั้งสองฝ่ายมี การทำงานที่ต่างกัน ภาครัฐ จะเน้นระบบ ขั้นตอน ที่ล้มเหลวไม่ได้ ขณะที่ Startup กล้าที่จะลองผิดลองถูกมากกว่า เพราะธุรกิจ Startup เองก็มีจุดแข็งในตัว คือ การไม่ได้แบกภาระต้นทุนเก่า วัฒนธรรมองค์กรเก่าๆ ทำให้เปรียบด้านความคล่องตัว ดังนั้นการทำงานร่วมกัน ภาครัฐต้องออกแบบวิธีร่วมงานที่เหมาะกับ Startup
วัฒนธรรมที่ควรบ่มเพาะ
ภาพสะท้อนของผู้นำ – ผู้นำอยากให้องค์กรเป็นแบบไหน ผู้นำก็จำเป็นต้องเป็น Role model
การจริงใจและสื่อสารกันโดยตรง – ทุกคนต้องกล้าพูดกันตรงๆ ในสิ่งที่ผิด สิ่งที่ถูก ปัญหาในองค์กรก็จะไม่ถูกซุกอยู่ใต้พรม
ไม่นำปัจจัยภายนอกเป็นข้ออ้างในความล้มเหลวของตัวเอง – แม้จะเป็นปัจจัยภายนอกเวลาที่เราไม่ประสบความสำเร็จ แต่นั่นจะทำให้เราลืมมองปัญหาที่แท้จริงของตนเอง
Ecosystem ที่เกื้อหนุน หยุดกระแสสมองไหลสู่ต่างชาติ
การที่จะหยุดกระแสสมองไหลสู่ต่างนี้ต้องคำนึงถึงคุณภาพของแรงงานขั้นพื้นฐานและคุณภาพชีวิตที่สำคัญไม่แพ้เรื่องเทคโนโลยีเรื่องระบบนิเวศที่เอื้ออำนวยในการทำงาน ซึ่งทางกทม.เองได้มีการนำรูปแบบ Work from anywhere มาใช้ในปัจจุบันด้วย เป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมให้คนเก่งอยากทำงาน
Invest กับการศึกษาและคนรุ่นใหม่ อนาคตที่คุ้มค่า
การพัฒนาคุณภาพประชากรควรให้ความสำคัญกับต้นกล้าหรือเด็กๆ ที่กำลังจะก้าวเข้ามาเป็นคลื่นลูกใหม่ การส่งเสริมให้เขาเรียนรู้ด้วยตัวเองเปิดหลักสูตรจะต้องรองรับกับตลาดได้จริง สถานฝึกวิชาชีพของกทม. เองก็จะขยายสาขาวิชาชีพที่ฝึกเพื่อให้รองรับกับตลาดเช่นกัน